เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่ - เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่ นิยาย เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่ : Dek-D.com - Writer

    เพิ่งเข้าใจ ความห่วงใยของแม่

    ลางสังหรณ์ของคนเป็นแม่มักจะถูกต้องเสมอ ดังนั้นเราลูกๆควรเชื่อฟังนะ ไม่งั้นอาจจะเป็นแบบเรื่องนี้ ด้วยความหวังดีจากผู้แต่ง

    ผู้เข้าชมรวม

    1,849

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.84K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 มิ.ย. 46 / 17:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      .
                          “กำลังลมกำลังแรง คลื่นสูงประมาณ 1 เมตร เรือประมงลำเล็กงดออกหาปลาตอนนี้”
                        
                           “จบการรายงานข่าวพยากรณ์อากาศสำหรับวันนี้”
          

                          “แม่ครับ อาทิตย์หน้าผมขอไปเสม็ดกับเพื่อนนะครับ”

                          “แต่แม่ว่าอย่าพึ่งไปตอนนี้เลยนะ แม่พึ่งฟังข่าวเมื่อสักครู่เค้าว่าพายุมันจะเข้านะ อย่าไปเลยมันอันตรายนะ”

                          “แต่แม่ครับ มันไม่มีอะไรหรอก เรือมันออกจะใหญ่ ไม่ล้มง่ายๆหรอกครับ เพื่อนก็ไปกันเยอะหลายคน อีกอย่างน้าโป่ง น้าของป๋องเค้าก็ไปด้วยนะครับ”

                          “แม่ก็ห่วงอยู่ดี อย่าไปเลยนะ”

                          “แม่ก็พูดอย่างงี้ทุกที หลายทีแล้วนะครับที่ไม่ยอมให้ผมไป ยังไงคราวนี้ผมก็ต้องไปให้ได้”

                          “แล้วมีเงินไปเหรอ แม่ไม่ให้ไปคือ แม่ไม่ให้เงินเราไปนะ”

                          “โธ่แม่ ไหงเป็นงี้ล่ะครับ แม่เพื่อนๆผมเค้าไปกันหลายคน ผมไม่ไปมาหลายรอบแล้วนะ ถ้าคราวนี้ไม่ได้ไป เพื่อนๆคงไม่มีใครกล้าชวนผมอีกแล้วนะครับ”

                          “น่าไม่ได้ไปก็ไม่เห็นตายเลยนี่นา ไว้คราวหน้าไว้มีโอกาสค่อยไป รอให้คลื่นลมสงบก่อนสิ บอกเพื่อนๆให้เลื่อนไปก่อนแล้วกัน”

                          “แต่เค้ากำหนดการไว้หมดแล้วนะครับ ทุกอย่างจองไว้หมดแล้ว ไม่ไปไม่ได้หรอกครับ”

                          “ก็บอกเค้าไปล่ะกันว่าเราไปไม่ได้ แม่ไม่ให้ไป”

                          “แม่ครับ” เด็กชายพูดแล้วก็หันหลังกลับไป แล้วเดินขึ้นบันได พอเข้าห้องไปน้ำตาก็ไหลพรูออกจากตาสองข้าง และไหลอาบสองแก้มเปียกปอนไปหมด

          
                          “ทำไมนะ แม่ไม่เข้าใจเรา อะไรๆก็เอามาอ้าง แล้วจะได้ไปไหนไหมเนี่ยชาตินี้ ทำไมเราไม่เป็นอย่างเพื่อนนะ จะไปไหนก็ได้ไปไม่มีใครห้าม ทำไมต้องเกิดมาเป็นลูกแม่ด้วยนะ ไม่เข้าใจ อิสระ ไม่มีเลยเหรอไง คอยดูนะจะต้องแอบหนีไปให้ได้” เด็กชายพูดด้วยอาการน้อยใจ และน้ำตาก็ยังไหลอาบแก้มอยู่

          
                          “กริ๊งงง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา  ทำให้เด็กชายต้องเช็ดน้ำตาเพราะเสียงของแม่ตะโกนขึ้นมาว่าเพื่อนโทรมา

                          “เฮ้ย วิทย์ตกลงนายขอแม่ได้ยังวะ” เสียงเด็กชายอีกคนพูดมาตามสาย

                          “ขอโทษด้วยนะ อยู่ดีๆแม่เราก็ไม่ยอมให้เราไปน่ะ “

                          “จริงอ่ะ ทำไมล่ะ เราก็กะว่านายไปได้นะเนี่ย ไม่ได้บอกแม่เหรอว่าไม่ได้ไปหลายหนแล้วคราวนี้ขอไปนะ อุตสาห์เตี้ยมให้ดิบดีแล้วนะ”

                          “ก็บอกแล้ว แต่แม่อ้างว่าพายุเข้าน่ะ ไอ้เราก็ไม่รู้จะว่าไง ก็เข้าใจนะว่าแม่ห่วง แต่แม่ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของเราเลย”

                          “แม่เราก็พูดเหมือนกันเรื่องพายุ แม่เราก็รั้นขอแม่มาจนได้แหละ แม่เราไม่ได้ห่วงมากมายเหมือนแม่นายนี่นา”

                          “ไงก็เที่ยวเผื่อเราด้วยแล้วกัน” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ยิ่งพูดก็เหมือนกับจะร้องไห้ออกมาทำให้เด็กชายต้องตัดบทรีบพูด

                          “แค่นี้ก่อนนะ ป๋อง”

                          “เออ รักษาตัวด้วยนะ เจอกันวันพรุ่งนี้ตอนเรียนล่ะ”


                          และแล้ววันเดินทางก็มาถึง เด็กชายวิทย์ก็ไปส่งเพื่อนๆที่สถานีขนส่งเพื่อเดินทางไปเสม็ด

                          “อ้อม ผิง เชิด หมู วง แล้วก็นายด้วยป๋อง เดินทางดีๆนะ ถ่ายรูปมาฝากเราเยอะๆด้วยนะ แล้วไงไปถึงถ้ามีคลื่นแล้วอย่าลืมโทรมาเล่าให้เราฟังด้วยนะว่า เห็นอะไรมาบ้าง”

                          “ไม่ต้องห่วงพวกเราทุกคนจะเที่ยวเผื่อนายเอง ไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหา เราจะไปว่ายน้ำเผื่อนะเพื่อน”

                          “ไม่ต้องเสียใจนะวิทย์ เราจะไปเที่ยวเผื่อ แต่คิดแล้วก็เสียดายนะที่เธอไม่ได้ไปกับพวกเรา เหงาแย่เลยขาดไปหนึ่งคน” อ้อมเด็กหญิงในกลุ่มซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับวิทย์พูด

                          แล้วทุกคนก็โบกไม้โบกมือลา เด็กชายก็มองรถจนลับตาไป พร้อมน้ำตาที่เริ่มจะไหลซึมมาอีกครั้ง เมื่อนึกว่าทำไมตัวเองไม่ได้ไปกับพวกเพื่อนๆด้วยนะ

          
                          “ลูกลงมากินข้าวได้แล้วนะ”

                          “ยังครับแม่ ผมยังไม่หิว” เด็กชายพูดทั้งน้ำตาเมื่ออยู่คนเดียวในห้อง

                          “กริ๊งๆๆๆๆ” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาอีกหน พร้อมทั้งเสียงเรียกของแม่ว่ารีบลงมาเพื่อนๆโทรทางไกลมาจากเสม็ด ทำให้เด็กชายต้องรีบเช็ดน้ำตาและรีบวิ่งลงมาเพื่อรับโทรศัพท์

                          “นี่ทะเลที่นี่สวยมากเลย อยากให้นายมาดูมากเลย สงบร่มรื่น เย็นสบาย น้ำใสเห็นตัวปลาเลยนะ”

                          “แล้วไม่มีพายุเหรอ “

                          “ไม่รู้สิ ไม่เห็นมีนี่นาวันนี้ ท้องฟ้าสงบเหมาะแก่การอาบแดดชะมัดเลย จริงไหมสาวๆ”

                          “นี่อย่าพูดให้เราอิจฉาได้ไหมล่ะ”

                          “น่าเราขอโทษ ไงวันหลังเราจะโทรมาคุยด้วยใหม่แล้วกันนะ”


                          “แม่ครับ ไม่เห็นจะมีพายุ พาเยอะอย่างที่แม่บอกเลย นี่แม่ทำให้ผมอดไป เพื่อนๆเค้าไปสนุกกันแต่แม่ก็ทำให้ผมต้องอยู่เฝ้าบ้าน แม่เห็นเปล่าเพื่อนๆเค้าโทรมาเยาะเย้ยผม แม่เห็นไหม”

                          “แม่ก็ไม่เห็นเพื่อนๆลูกจะมาเยาะเย้ยลูกนี่นาก็เห็นเค้าก็มาเล่าให้ลูกฟังนี่นาว่าไปเที่ยวไรมาบ้าง แม่ก็เป็นห่วงลูกนะ”

                          “ครับ แม่ก็เป็นซะอย่างงี้ล่ะ ห่วงลูกเกินเหตุไม่เห็นจะมีอะไร ผมโกรธแม่แล้ว แม่ทำให้ผมไม่ได้ไปเที่ยว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะครับที่ผมไม่ได้ไป เพราะแม่คนเดียว”

          
                          และแล้ววันเดินทางกลับก็มาถึง เพื่อนที่ไปเที่ยวก็โทรศัพท์กลับมารายงานให้เด็กชายวิทย์ฟัง

                          “เฮ้ย เดี๋ยวเราจะถึงกรุงเทพตอนเช้านี้นะ แล้วจะเอารูปไปอวดเราล้างมาเรียบร้อยแล้ว หมดฟิล์มไปห้าม้วนแนะ แต่เสียดายนะไม่มีรูปนายอยู่ด้วย ไม่ต้องเสียใจกลับไปจะไปตัดต่อใส่รูปนายไปให้”

                          “เออ ไม่ต้องมายั่วเลย เดินทางกลับดีๆล่ะ”

                          “ขอบใจนะ เสียดายนายน่าจะมาด้วยพายุก็ไม่มีสักกะแอะ ไม่เห็นมีใครเป็นไรไปเลย แม่นายนี่คิดมากจริงๆเลย ให้ตายสิ แม่เราน่ารักที่สุดเลย ฮิอิ”

                          “เราก็อยากเกิดเป็นลูกแม่นายบ้าง เผื่ออะไรมันจะดีขึ้นมาบ้าง ไม่น่าเลย อาภัพนัก”

                          “น่านะ จงพอใจในสิ่งที่ตนมีเราก็ว่าแม่นายน่ารักนะ ห่วงลูก ถ้าแม่เราห่วงเราได้อย่างแม่นายก็ดีนะ ไม่เอาล่ะ รถจะออกแล้ว เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะ”

          
                          แล้วตอนเช้าก็มาถึง ผมรอโทรศัพท์จากเพื่อนจนบ่ายก็ไม่มีวี่แววว่าเพื่อนของผมจะโทรมา  แล้วเวลาที่ผมรอก็มาถึงเพื่อนผมโทรศัพท์มา แต่คนที่โทรมากลับไม่ใช่คนที่ผมพูดด้วยประจำทุกทีคนที่โทรมาคือเชิด หนึ่งในกลุ่มที่ไปด้วย

                          “วิทย์ นายใจเย็นๆนะ”

                          “เรื่องไรเหรอเชิด “

                          “เรื่องเพื่อนๆเราน่ะ ตอนนี้เรายังไม่ถึงกรุงเทพกันนะ “

                          “อ้าวทำไมล่ะ ทำไมยังไม่ถึง”

                          “รถเกิดอุบัติเหตุน่ะ “

                          “มีใครเป็นไรหรือเปล่า”

                          “เราน่ะไม่เป็นไรมาก แค่ถลอกนิดหน่อย แต่เพื่อนๆเราน่ะสิ”

                          “ทำไมมีใครเป็นไร” เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด

                          “อ้อม กับหมูแล้วก็ป๋องตายแล้ว ส่วน ผิงกับ วง แล้วก็น้าโป่งยังอยู่ในห้องไอซียูอยู่เลย”

                          “แล้วทำไมนายไม่เป็นไรล่ะ”

                          “ก็ตอนที่รถชนเราลุกไปเข้าห้องน้ำที่ท้ายรถน่ะ เราเลยรอดมาได้”

                          เด็กชายทรุดลงคาโทรศัพท์พร้อมทั้งปล่อยให้โทรศัพท์ตกลงมายังพื้น แม่ซึ่งยืนดูเหตุการณ์ข้างๆ รีบเข้ามาประคองเด็กชายไว้ แล้วพูดว่า    

                          “แม่ดีใจที่ไม่ยอมให้ลูกไป ไม่งั้นแม่ คงจะเสียใจไปตลอดชีวิต”

                          “ผมก็ดีใจครับที่ไม่ได้ไป และยังได้อยู่กับแม่ แม่ครับผมรักแม่ที่สุด ผมเข้าใจแล้วครับว่าแม่ห่วงผมแค่ไหน”

                          “ลูกรู้แม่ก็ดีใจแล้วล่ะ จำไว้นะว่าที่แม่ทำไปทุกอย่างแม่มีเหตุผล แม้บางครั้งลูกจะไม่เข้าใจเหตุผลนั้นก็ตาม” แม่พูดพร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาขณะกอดลูกชายไว้ในอ้อมอก

                          “ครับแม่” เด็กชายตอบพร้อมทั้งร้องไห้โฮออกมา

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×